
✨ ต่อจากเนื้อหาคราวนี้แล้ว เราจะมาอธิบายเพิ่มเติมว่า
.
หลายๆคนคงสงสัยว่า ขั้นตอนการทำงานของระบบ CRM และ Loyalty Program นั้นเป็นอย่างไร?
และเราจะสามารถยังไงให้ CRM ของเรานั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดได้อย่างไร?
.
วันนี้เราจะมาไขวิธีการทำงานของระบบ CRM และ Loyalty Program ให้กระจ่างกัน 🥰

1. Acquire เริ่มเก็บฐานข้อมูลของลูกค้า (Customer’s Database)
ร้านค้าสามารถเริ่มต้นเก็บข้อมูลลูกค้าหน้าร้าน ได้โดยการชักชวนให้ลูกค้าสมัครเป็นสมาชิกกับเรา
เพื่อให้ลูกค้าสามารถกรอกข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล เพศ วันเกิด ข้อมูลติดต่อเช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรือ E-mail และสามารถเสนอรางวัลเล็กๆน้อยๆ เป็นการแลกเปลี่ยนในการขอข้อมูลเหล่านั้น หลังจากนั้นเมื่อลูกค้ามีการทำรายการอะไรที่หน้าร้าน ร้านค้าสามารถที่จะเริ่มเก็บข้อมูลในเชิงพฤติกรรม และ สิ่งที่ลูกค้าชื่นชอบได้
.
ตัวอย่างเช่น ร้านค้าสามารถเริ่มทำระบบ CRM ควบคู่ไปกับ Loyalty Program ที่ลูกค้าสามารถสมัครสมาชิก
ผ่านทาง Application และเริ่มสะสมคะแนนได้ทุกครั้งที่มีการใช้จ่าย และสามารถนำไปแลกรางวัลได้
โดยการแสดง QRcode จะทำให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าได้ครบถ้วนทั้ง
ข้อมูลส่วนตัว พฤติกรรมการใช้จ่าย และ ความสนใจในกรนำคะแนนมาแลกรางวัล
.
อย่างไรก็ตามการที่ลูกค้าจะยินยอมมาเป็นสมาชิกของเรานั้นก็ไม่ง่าย เราจำเป็นต้องวางแผน Loyalty Program หรือ แผน Loyalty ของเราให้ลูกค้ารู้สึกคุ้ม พึงพอใจ เข้าใจง่ายซะก่อน
.
นอกจากนั้นควรจะมี Software และ Hardware ที่ดีในการที่จะช่วยในการทำงานของทั้งคนหลังบ้าน
และคนหน้าบ้านอีกด้วย

2. Segmentation การแบ่งกลุ่มลูกค้าออกเป็นกลุ่มย่อยๆ ตามโปรไฟล์ พฤติกรรม หรือ ความสนใจ
หลังจากที่เราได้เก็บข้อมูลของลูกค้าในมุมต่างๆแล้วไม่ว่าจะเป็น ข้อมูลส่วนตัว พฤติกรรม และความชื่นชอบแล้ว เราก็จะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาจัดเป็นกลุ่มลูกค้าแต่ละกลุ่มได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อที่ร้านค้าจะสามารถ
ติดต่อสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือ โปรโมชั่นที่ตอบโจทย์กับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้มากยิ่งขึ้น
.
ตัวอย่างเช่น ร้านค้าสามารถจัดกลุ่มลูกค้าได้ตาม เงื่อนไขต่างๆมากมายเช่น ทำเลที่ลูกค้าชอบเข้ามาใช้จ่าย
วันเวลาที่ลูกค้าชอบมาใช้จ่าย ลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายต่อครั้งสูง ลูกค้าที่มียอดใช้จ่ายต่อครั้งต่ำ หรือ
กลุ่มลูกค้าที่เกิดในเดือนต่างๆ เราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เพื่อทดลองทำการตลาดแบบกลุ่มเล็กๆ
เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกพิเศษ และตรงใจมากยิ่งขึ้น

3.Interact มีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า ผ่านช่องทางต่างๆ ที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละธุรกิจ
เมื่อร้านค้าสามารถจำแนกกลุ่มลูกค้าได้แล้ว ก็ถึงเวลาที่ร้านค้าสามารถทดลองส่งข้อมูล ข่าวสาว หรือโปรโมชั่นที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม เพื่อทดลองดูว่าลูกค้าสนใจโปรโมชั่น หรือ ข่าวสารกับเรามากขนาดไหน ผ่านทาง SMS, Email, หรือ Line ของลูกค้าเป็นต้น
.
ตัวอย่างเช่น นายแม็กซ์ เจ้าของร้านชานม 4 สาขาเห็นว่า ในช่วงเวลาบ่าย 2 ถึงบ่าย 4 โมง ในช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์นั้น ลูกค้ามาทานค่อนข้างน้อย เราจึงอยากจะจัดโปรโมชั่น 1 แถม 1 ในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อให้
ลูกค้าซื้อสินค้าในช่วงวันเวลานั้นมากขึ้น สิ่งที่นายแม็กซ์ทำคือ เขาจัดกลุ่มลูกค้าเคยซื้อสินค้าในแถบ
อโศก สุขุมวิท เพชรบุรี รัชดา ดินแดง เพื่อทำการส่งข้อความให้คนกลุ่มนี้ ถึงโปรโมชั่น 1 แถม 1
ในช่วงเวลาดังกล่าว และพิเศษยิ่งกว่านั้น ข้อความที่ร้านค้าส่งให้มีชื่อของลูกค้าอยู่ และบอกว่าโปรโมชั่นพิเศษนี้
เฉพาะพวกเขาเท่านั้น
.
ทำให้แคมเปญนี้ไม่ต้องส่งข้อความหาทุกคนแบบหว่าน แต่ส่งหาแค่บุคคลตามกลุ่มที่จำแนกมาแล้ว
ทำให้ค่าการทำการตลาดถูกลง
.
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ส่งข้อความแบบเฉพาะกลุ่มบุคคล ก็จะทำให้อัตราการมีปฏิสัมพันธ์กลับมาจากทางลูกค้านั้น
สูงขึ้นได้ถึง 195% เลยทีเดียว ทำให้คุณแม็กซ์สามารถหวังผลได้มากจากการทำ Campaign นี้
4. Optimization วัดผล และปรับแต่งแคมเปญให้ดียิ่งขึ้นในครั้งต่อๆไป
เมื่อเราได้ทำการลองส่งโปรโมชั่นหรือ ข้อความเฉพาะกลุ่มไปแล้ว ก็ไม่ควรลืมที่จะ
ประเมินผลงานของแต่ละ Campaign ที่ร้านค้าได้ทำไป เพื่อตรวจสอบ Campaign แบบไหนได้ผลตอบรับดี แบบไหนไม่ดี เพื่อที่ร้านค้าจะสามารถนำมาปรับปรุง Campaign ใหม่ๆในอนาคตดียิ่งๆขึ้นไป เพื่อเพิ่มผลตอบรับ กำไร และ ROI (Return on investment) ให้ได้มากที่สุด
.
หากสนใจระบบ CRM และ Loyalty Platform
สามารถศึกษาเพิ่มเติมหรือทดลองใช้งานระบบได้ฟรี ที่ http://bit.ly/2K8Q2uH
สามารถอ่านบทความอื่นๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจคุณได้ที่นี่
.
หรือติดต่อสอบถาม
📞 : 02-030-0089
📱 LINE@ : http://nav.cx/55xpnio
Facebook: Dayly CRM & Loyalty Platform
⏰ : เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
Add a Comment